กระเบื้องปูพื้น ในปัจจุบันมีหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น กระเบื้องเซรามิค กระเบื้องยาง พื้นไม้ปาเก้ พื้นลามิเนต หรืออื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นพื้นที่นิยมติดตั้งในบ้านและในออฟฟิศเป็นอย่างมาก และเนื่องด้วยมีลวดลายที่สวยงาม มีความทันสมัย และมีการใช้งานที่มากที่สุด เรามาดูว่าแต่ละแบบมีจุดเด่นอะไรกันบ้าง
กระเบื้องปูพื้น แต่ละแบบที่กำลังเป็นที่นิยม
กระเบื้องยาง หรือ กระเบื้องไวนิล
เป็นกระเบื้องที่มีความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับใช้การตกแต่งภายใน ปูพื้น ปูผนังได้ เป็นกระเบื้องที่ผลิตมาจากโพลิเมอร์หรือยาง กระเบื้องยาง มีราคาถูก เป็นกระเบื้องที่ทนความชื้นได้ดี ไม่แตกหัก เพราะพื้นทำมาจากยาง มีความนุ่ม ดูแลรักษาง่าย กันน้ำ มีความสวยงาม มีความเรียบแต่หรูหรา มาพร้อมกับอายุการใช้งานที่ยาวนานถึง 10 – 15 ปี มีทั้งกระเบื้องยางแบบมีกาวในตัว หรือกระเบื้องยางแบบคลิกล็อคก็มีครับ
ข้อดีของกระเบื้องยาง
- มีความทนทาน กันน้ำ และป้องกันปลวก
- ทนความชื้น ทนน้ำ ป้องกันการลื่น
- รองรับน้ำหนักได้ดี
- ติดตั้งง่าย สามารถปูทับพื้นเดิม
- ซ่อมแซมเองได้
ข้อสังเกตกระเบื้องยาง
- ในการติดตั้งจะต้องติดตั้งกับพื้นที่เรียบ และมีความสะอาดเท่านั้น
- ไม่ได้ให้ความสัมผัสถึงไม้จริง
- ถ้าติดตั้งทับพื้นกระเบื้องเซรามิก ต้องยาแนวให้เรียบซะก่อน
กระเบื้องเซรามิค
เป็นกระเบื้อง ที่เราพบเห็นได้ตามตัวอาคารทั่ว ๆ ไป พื้นกระเบื้องมีความแน่นและแข็งแกร่งค่อนข้างสูง มีคุณสมบัติใกล้เคียงหิน แต่แตกหักได้ง่าย เพราะส่วนใหญ่มักจะทำออกมาเป็นแผ่นบาง กระเบื้องเซรามิกมีลวดลายบนตัวกระเบื้องเนื่องจากมีการพิมพ์ลายลงบนเนื้อ กระเบื้องเซรามิกมีการแยกประเภทสำหรับใช้ปูพื้นหรือใช้ปูผนัง เวลาไปเลือกซื้อจึงต้องระบุชนิดของกระเบื้องให้ดี ส่วนราคาของกระเบื้องเซรามิกถือว่าราคาไม่สูง มีตั้งแต่ราคา 10 กว่าบาทขึ้นไปจนถึงราคาหลักร้อย
ข้อดีของกระเบื้องเซรามิก
- สีสัน ลวดลายมีให้เลือกหลายขนาด
- ราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับคุณภาพ
- หาซื้อได้ง่าย
ข้อเสียของกระเบื้องเซรามิก
- เวลาเปียกน้ำมักมีความลื่น
- รื้อแล้วนำมาปูใหม่ไม่ได้
- แตกหักง่าย
พื้นไม้ปาร์เก้
ปาร์เก้เป็นไม้ชิ้นเล็ก ๆ ที่นำมาต่อกันคล้ายกับ โมเสค การปูพื้นด้วยปาร์เก้เป็นการตกแต่งบ้านให้ดูมีบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติ พื้นไม้ปาร์เก้ยังมีจุดเด่น คือ ไม่เก็บฝุ่น ทำให้ไม่เกิดการสะสมแหล่งของโรคภูมิแพ้ และพื้นปาร์เก้ยังสามารถทำความสะอาดได้ง่ายอีกด้วย ปาร์เก้สามารถทำขึ้นได้จากไม้หลายชนิด เช่น ปาร์เก้ไม้แดง ปาร์เก้ไม้สัก ปาร์เก้ไม้เทียม เป็นต้น
ข้อดีของพื้นไม้ปาร์เก้
- ลวดลายสวยงาม
- ไม่กักเก็บฝุ่น
- ติดตั้งง่าย
ข้อเสียของพื้นไม้ปาร์เก้
- ไม่ทนความชื้น
- ปลวกสามารถกัดกินไม้ได้ง่าย
- เป็นรอยง่าย
พื้นไม้ลามิเนต
พื้นลามิเนต เป็นพื้นที่ไม่ไม้จริง ๆ แต่เป็นเอาไม้แท้ ๆ มาผ่านกระบวนการต่าง ๆ ที่ให้ได้พื้นไม้ลามิเนตออกมา โดยใช้ผงไม้มาอัดจนเป็นแผ่น ซึ่งเป็นกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ พื้นลามิเนต1 แผ่นจะประกอบไปด้วยชั้นต่าง ๆ ถึง 4 ชั้น ซึ่งชั้นที่หนาที่สุดจะเป็นชั้นตรงกลาง เพราะชั้นนี้จะนำเนื้อไม้มาย่อยให้เป็นผง และนำไปผสมกับสารเคมีอื่น ๆ จึงทำให้ออกมาเป็นแผ่น
ข้อดีของพื้นไม้ลามิเนต
- ติดตั้งได้เร็ว น้ำหนักเบา และทนทาน
- ให้ความรู้สึกถึงไม้จริง ๆ เวลาที่เราสัมผัส
- สวย ลายไม้มีความเหมือนจริง
- ปูทับพื้นเดิมได้
ข้อเสียของพื้นไม้ลามิเนต
- ต้องระวังเรื่องความชื้น เพราะไม้มิเนตไม่ทนความชื้น
- ซ่อมแซมเองไม่ได้ ต้องเป็ช่างเท่านั้น
- ระวัง ปลวก มอด เพราะมันชอบพื้นแบบนี้
ทำไมถึงควรเลือกใช้พื้นกระเบื้องยาง
พื้นไวนิลเป็นอีกทางเลือกของการปูพื้นที่มีลวดลายให้เลือกหลากหลายและคุ้มค่าราคามาก ๆ เบื่อลายนี้ก็สามารถรื้อเปลี่ยนได้โดยง่าย โดยพื้นกระเบื้องยางจะมีทั้งแบบมีกาวในตัวและไม่มีกาวในตัว โดยจำลองรูปลักษณ์ของวัสดุธรรมชาติได้เหมือนเปี๊ยบ เช่น ไม้เนื้อแข็ง หิน หรือกระเบื้องเซรามิก และประกอบด้วยหลายชั้น ได้แก่ ชั้นนอก ชั้นที่พิมพ์ลาย ชั้นแกนกลาง และชั้นรองหลัง ซึ่งชั้นเหล่านี้ทำงานร่วมกันเพื่อสร้างพื้นผิวที่ทนทานและยืดหยุ่นซึ่งสามารถทนต่อการสึกหรอได้ทุกวัน
ข้อดีของการเลือกใช้พื้นกระเบื้องเทียม
มีความทนทานและมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน
ข้อดีอย่างหนึ่งของพื้นไวนิลคือความทนทานและอายุการใช้งานที่ยาวนานเป็นพิเศษ พื้นไวนิลได้รับการออกแบบมาให้ทนทานต่อรอยขีดข่วน คราบสกปรก และรอยบุบ ได้เป็นอย่างดี จึงเหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีการสัญจรคับคั่งทั้งในที่อยู่อาศัยและร้านค้า หรือออฟฟิศ และด้วยการดูแลและบำรุงรักษาที่เหมาะสม พื้นไวนิลสามารถมีอายุการใช้งานได้หลายปี ซึ่งเป็นการลงทุนระยะยาวที่คุ้มค่ามากสำหรับอสังหาริมทรัพย์ของคุณ
มีดีไซน์ที่หลากหลาย
พื้นไวนิลมีลวดลายให้เลือกมากมาย ช่วยให้คุณได้พื้นที่เหมาะสำหรับพื้นที่ของคุณ โดยมีให้เลือกหลายสี ลวดลาย และพื้นผิว ทำให้คุณสามารถสร้างความรู้สึกในการเดินที่คล้ายกับเดินบนวัสดุธรรมชาติหรือ ไม่ว่าคุณจะชอบเสน่ห์แบบชนบทของไม้เนื้อแข็งหรือความสง่างามของหินอ่อน พื้นไวนิลสามารถเลียนแบบความรู้สึกเหล่านี้ได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมและไม่ได้ต้องการดูแลที่เยอะเท่าพื้นเหล่านี้อีกด้วย
คุ้มค่าคุ้มราคา
เมื่อเทียบกับตัวเลือกการปูพื้นอื่น ๆ พื้นไวนิลนั้นคุ้มค่ามาก โดยทั่วไปแล้วจะมีราคาเพียงเศษเสี้ยวของพื้นไม้เนื้อแข็งหรือหินธรรมชาติ ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่คำนึงถึงงบประมาณ นอกจากนี้ พื้นไวนิลยังต้องการการบำรุงรักษาเพียงเล็กน้อย ซึ่งช่วยลดต้นทุนการบำรุงรักษาในระยะยาว และให้ความคุ้มค่าสูงสุดสำหรับการลงทุนของคุณครับ
ทำความสะอาดได้ง่าย ดูแลไม่ยาก
พื้นกระเบื้องยางเป็นที่รู้จักดีในด้านความต้องการการบำรุงรักษาต่ำ ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับบ้านที่คนในบ้านไม่ค่อยมีเวลาทำความสะอาดมากนัก หรือในออฟฟิศที่มีคนเดินไปมาอยู่ตลอด การกวาดและถูพื้นเป็นประจำก็เพียงพอที่จะทำให้พื้นไวนิลดูสะอาดและใหม่อยู่เสมอแล้ว ซึ่งแตกต่างจากวัสดุธรรมชาติอื่น ๆ ที่อาจต้องใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหรือการดูแลเป็นพิเศษ พื้นไวนิลสามารถดูแลรักษาได้ง่ายด้วยน้ำยาทำความสะอาดในครัวเรือนทั่วไปครับ
น้ำไม่ซึมและไม่เป็นเชื้อรา
ข้อได้เปรียบที่สำคัญอีกประการของพื้นไวนิลคือการกันน้ำและความชื้น ซึ่งแตกต่างจากพื้นไม้เนื้อแข็งหรือพื้นลามิเนต ไวนิลมีคุณสมบัติกันน้ำอยู่แล้ว จึงเหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีความชื้นได้ง่าย เช่น ห้องครัว ห้องน้ำ และห้องใต้ดิน ลักษณะเฉพาะนี้ยังทำให้พื้นไวนิลมีความทนทานสูงต่อเชื้อรา และคราบสกปรก จึงมั่นใจได้ว่าสภาพแวดล้อมจะถูกสุขลักษณะและดีต่อสุขภาพ