วัสดุปูพื้นภายนอก คือ การนำวัสดุปูพื้นมาปูบริเวณภายนอกอาคาร เช่น ลานบ้าน ทางเดินในสวน ระเบียง เป็นต้น วัสดุที่เลือกปูพื้นภายนอกนั้นต้องมีคุณสมบัติที่ทนทานต่อสภาพแวดล้อมภายนอก เช่น แสงแดด ฝน ลม ความร้อน เย็น เป็นต้น รวมถึงต้องมีความแข็งแรง ไม่แตกหักง่าย และไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้งาน ที่สำคัญวัสดุปูพื้นที่ใช้ในการตกแต่งพื้นนอกบ้านเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเพิ่มความสวยงามและบรรยากาศให้กับบ้าน การเลือกวัสดุปูพื้นภายนอกที่เหมาะสมกับความต้องการและสไตล์การตกแต่งบ้าน จะช่วยให้บ้านของคุณดูสวยงามและน่าอยู่ยิ่งขึ้น วัสดุปูพื้นภายนอกบ้านที่นิยมใช้ในปัจจุบันมีหลากหลายชนิด แต่ละชนิดมีจุดเด่นและข้อด้อยแตกต่างกัน การเลือกวัสดุปูพื้นภายนอกบ้านจึงควรพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ วันนี้จะพามาทำความรู้จักกับ 6 วัสดุปูพื้นภายนอกบ้านที่ได้รับความนิยมใช้งานกัน

 

 

 

6 วัสดุปูพื้นภายนอกบ้าน ยอดนิยม

1. ไม้ปูพื้น

ไม้ปูพื้นเป็นวัสดุปูพื้นภายนอกบ้านที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน ไม้ให้ความรู้สึกอบอุ่นและเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับบ้านสไตล์โมเดิร์นหรือคลาสสิก ไม้ปูพื้นมีให้เลือกหลากหลายชนิด เช่น ไม้เต็ง ไม้สัก ไม้มะฮอกกานี เป็นต้น ไม้ปูพื้นมีความแข็งแรงทนทาน แต่ต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ เช่น การขัดเคลือบเงาเพื่อป้องกันเชื้อราและปลวก
ข้อดี : คลาสสิคและสวยงาม เพิ่มมูลค่าให้กับบ้าน
จุดด้อย : ต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ หากไม่หมั่นบำรุงดูแลมีแนวโน้มที่จะมีแมลง ปลวก รบกวน

2. พื้นไม้สังเคราะห์ (WPC)

เป็นพื้นประเภทหนึ่งที่ผสมผสานเส้นใยไม้และเทอร์โมพลาสติกเพื่อสร้างวัสดุที่ทนทานและใช้งานได้หลากหลาย พื้น WPC มอบความงามตามธรรมชาติของไม้พร้อมคุณประโยชน์เพิ่มเติมในการกันน้ำ บำรุงรักษาต่ำ และทนทานสูง เป็น วัสดุปูพื้นแทนไม้ภายนอก

พื้น WPC มีคุณสมบัติกันน้ำ ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับพื้นที่ที่เสี่ยงต่อความชื้น เช่น พื้นระเบียง สระว่ายน้ำ นอกจากนี้ พื้น WPC ยังทนต่อการสัญจรไปมาของผู้คนจำนวนมาก ทำให้เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่น เช่น โถงทางเดิน รวมถึงน้ำหนักที่เบาไม่หนักกับโครงสร้าง
ข้อดี : พื้น WPC มีหลากหลายสไตล์ สี และพื้นผิว ช่วยให้การออกแบบมีความยืดหยุ่นมากขึ้น เพื่อให้เข้ากับความสวยงามภายในที่หลากหลาย
จุดด้อย : เมื่อเวลาผ่านไป พื้น WPC อาจซีดจางหรือเปลี่ยนสีเมื่อโดนแสงแดดโดยตรงหรือรังสียูวีที่รุนแรง

3. กระเบื้องปูพื้น
กระเบื้องปูพื้นเป็นวัสดุปูพื้นภายนอกบ้านที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน กระเบื้องมีความหนาแน่นสูง ทนทานต่อการขูดขีด ทนทานต่อน้ำ และทนทานต่อสารเคมี จึงทำให้เหมาะสำหรับปูพื้นภายนอกบ้านที่ต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย ๆ เช่น ฝนตก แดดออก หรือมีมลพิษในอากาศ รวมถึงดูแลรักษาง่าย กระเบื้องปูพื้นภายนอกมีให้เลือกหลากหลายประเภท เช่น กระเบื้องพอร์ซเลน กระเบื้องแกรนิตโต้ กระเบื้องเซรามิก กระเบื้องดินเผา กระเบื้องคอนกรีต เป็นต้น
ข้อดี : กระเบื้องแต่ละประเภทมีราคาที่แตกต่างกันความแข็งแรงทนทานแตกต่างกัน บางประเภทการคายน้ำสูงทำให้ใช้งานภายนอกได้ดีเยี่ยม
จุดด้อย : กระเบื้องบางประเภทต้องติดตั้งโดยมืออาชีพ

4. หญ้าเทียม
หญ้าเทียมสำหรับปูพื้นกลางแจ้งได้รับความนิยมจากหลายสาเหตุ เนื่องจากเป็นทางเลือกทดแทนหญ้าธรรมชาติที่ต้องบำรุงรักษาต่ำ หญ้าเทียมไม่ต้องตัดหญ้า รดน้ำ ใส่ปุ๋ย ประหยัดทั้งเงินและเวลาสำหรับเจ้าของบ้าน นอกจากนี้ ยังรักษาลักษณะสีเขียวชอุ่มตลอดทั้งปีไม่ว่าสภาพอากาศจะเป็นอย่างไร หากต้องการพื้นที่สีเขียวให้เกิดบรรยากาศที่ร่มรื่นตลอดเวลาการเลือกใช้หญ้าเทียมสำเร็จรูปแทนหญ้าจริงอาจตอบโจทย์การใช้งานมากกว่า
ข้อดี : ให้ความสดชื่นและผ่อนคลายอยู่เสมอ ขณะเดียวกันก็มีการบำรุงรักษาตลอดเวลา
จุดด้อย : อาจมีราคาและค่าติดตั้งแพงกว่าหญ้าจริงในครั้งแรก

5. พื้นคอนกรีต

พื้นคอนกรีตนอกบ้านได้รับความนิยมจากหลายสาเหตุ  คอนกรีตเป็นวัสดุที่ทนทานและใช้งานได้ยาวนาน โดยสามารถทนต่อสภาพอากาศต่างๆ ทั้งฝน แสงอาทิตย์ และอุณหภูมิเยือกแข็งได้ ทนทานต่อการสึกหรอ ทำให้เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่น นอกจากนี้ คอนกรีตยังมีการบำรุงรักษาต่ำ ซึ่งต้องมีการดูแลน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับตัวเลือกพื้นอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีความอเนกประสงค์ เนื่องจากสามารถปรับแต่งด้วยพื้นผิว สี และลวดลายต่างๆ เพื่อให้เหมาะกับความต้องการด้านสุนทรียภาพที่แตกต่างกัน
ข้อดี : พื้นคอนกรีตมักจะคุ้มค่ากว่าเมื่อเปรียบเทียบกับทางเลือกอื่น เช่น หินหรือกระเบื้อง โดยรวมแล้วปัจจัยเหล่านี้มีส่วนทำให้พื้นคอนกรีตได้รับความนิยมนอกบ้าน
จุดด้อย : ในเรื่องของดีไซน์การตกแต่งภายนอกบ้านพื้นคอนกรีตมักไม่ค่อยโดดเด่น ถ้าหากต้องเทียบกับวัสดุปูพื้นภายนอก

6. กรวดหรือหินโรย

กรวดหรือหินโรยเป็นที่นิยมสำหรับปูพื้นกลางแจ้งเนื่องจากให้รูปลักษณ์ที่เป็นธรรมชาติและเรียบง่ายแก่พื้นที่กลางแจ้ง ช่วยเพิ่มความสวยงามดึงดูดใจ ประการที่สอง มีความคุ้มค่าเมื่อเปรียบเทียบกับตัวเลือกพื้นอื่นๆ ทำให้เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่คำนึงถึงงบประมาณ นอกจากนี้กรวดหรือหินโรยยังมีความทนทานและต้องการการบำรุงรักษาเพียงเล็กน้อย จึงเหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่น นอกจากนี้ยังช่วยให้ระบายน้ำได้อย่างเหมาะสม ป้องกันการสะสมของน้ำและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น สุดท้ายนี้สามารถติดตั้งและปรับแต่งได้ง่ายเพื่อให้เหมาะกับความต้องการในการออกแบบที่แตกต่างกัน

ข้อดี : ราคาค่อนข้างถูกหากเทียบกับวัสดุปูพื้นชนิดอื่น ๆ สามารถเข้ากับบ้านได้หลากหลายสไตล์
จุดด้อย : กรวดหรือหินขนาดเล็กอาจเป็นที่สะสมฝุ่นละออง จึงควรทำฉีดน้ำล้างความสะอาดเป็นประจำ

 

วัสดุปูพื้นภายนอก ควรพิจารณาจากปัจจัยอะไรบ้าง

  • สภาพแวดล้อม

สภาพแวดล้อมเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการเลือกวัสดุปูพื้นภายนอก เนื่องจากวัสดุปูพื้นต้องสามารถทนทานต่อสภาพแวดล้อมภายนอก เช่น แสงแดด ฝน ลม ความร้อน เย็น เป็นต้น พื้นที่ปูพื้นอยู่กลางแจ้งหรือในร่ม โดนแดดโดนฝนมากน้อยแค่ไหน หากพื้นที่ปูพื้นอยู่กลางแจ้ง วัสดุปูพื้นควรมีความทนทานต่อแสงแดด ฝน ลม ความร้อน เย็น ได้ดี เช่น พื้นไม้เทียม พื้นหินธรรมชาติ พื้นกระเบื้อง เป็นต้น หากพื้นที่ปูพื้นอยู่ร่ม วัสดุปูพื้นอาจไม่จำเป็นต้องทนทานต่อสภาพแวดล้อมภายนอกมากนัก เช่น พื้นไม้จริง พื้นคอนกรีต เป็นต้น

  • การใช้งาน

การใช้งานของพื้นที่ปูพื้นก็มีความสำคัญเช่นกัน ควรเลือกวัสดุปูพื้นให้เหมาะสมกับการใช้งาน เช่น ปูพื้นทางเดิน ลานจอดรถ ระเบียง เป็นต้น หากปูพื้นทางเดิน ควรเลือกวัสดุปูพื้นที่มีความทนทานต่อการสึกหรอ เช่น พื้นหินธรรมชาติ พื้นกระเบื้อง เป็นต้น หากปูพื้นลานจอดรถ ควรเลือกวัสดุปูพื้นที่มีความทนทานต่อน้ำหนัก เช่น พื้นคอนกรีต พื้นหินธรรมชาติ เป็นต้น หากปูพื้นระเบียง ควรเลือกวัสดุปูพื้นที่มีความทนทานต่อความชื้น เช่น พื้นไม้เทียม พื้นกระเบื้อง เป็นต้น

  • งบประมาณ

งบประมาณก็เป็นปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงเช่นกัน วัสดุปูพื้นแต่ละประเภทมีราคาแตกต่างกันไป ควรเลือกวัสดุปูพื้นให้เหมาะสมกับงบประมาณที่มีอยู่

นอกจากปัจจัยข้างต้นแล้ว ควรศึกษาคุณสมบัติของวัสดุปูพื้นแต่ละประเภทให้ดีก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ เพื่อจะได้วัสดุปูพื้นที่เหมาะสมกับการใช้งานและงบประมาณ

ปัจจัยอื่นๆ ที่อาจพิจารณาเพิ่มเติม

  • ความแข็งแรง วัสดุปูพื้นควรมีความแข็งแรง ไม่แตกหักง่าย
  • ความสวยงาม วัสดุปูพื้นควรมีความสวยงาม เข้ากับสไตล์ของบ้านและสวน
  • การดูแลรักษา วัสดุปูพื้นควรดูแลรักษาง่าย ไม่ยุ่งยาก
  • ความปลอดภัย วัสดุปูพื้นควรปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน ไม่ลื่นหรือมีคม
  • สภาพอากาศ วัสดุปูพื้นภายนอกควรทนต่อสภาพอากาศที่รุนแรง เช่น แสงแดด ฝน ลม เป็นต้น
  • การใช้งาน เลือกวัสดุปูพื้นที่เหมาะสมกับการใช้งาน เช่น พื้นที่สัญจรบ่อย ควรเลือกวัสดุปูพื้นที่มีความทนทานสูง
  • งบประมาณ วัสดุปูพื้นภายนอกมีราคาแตกต่างกัน ควรเลือกวัสดุปูพื้นให้เหมาะสมกับงบประมาณ
  • สไตล์การตกแต่งบ้าน เลือกวัสดุปูพื้นที่เข้ากับสไตล์การตกแต่งบ้านของคุณ

นอกจากนี้ ควรคำนึงถึงสไตล์การตกแต่งบ้านด้วย เพื่อให้วัสดุปูพื้นภายนอกเข้ากับบ้านและบรรยากาศโดยรอบ หรือถ้าคุณอยากจะการเลือกวัสดุปูพื้นภายนอก ควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ข้างต้นอย่างรอบคอบ เพื่อให้ได้วัสดุปูพื้นที่เหมาะสมกับการใช้งานและงบประมาณ